“พริกไทยดำ”เป็นเครื่องเทศไทยที่ได้รับนิยมและมีประโยชน์มากจนได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งเครื่องเทศ” ด้วยลักษณะที่ผลรูปกลม ผลแห้งมีผิวสีดำ ผิวนอกหยาบ มีรอยย่น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 4-6 มิลลิเมตร เปลือกนอกสีน้ำตาลเข้มออกดำ มีรอยย่นคล้ายร่างแหที่ขั้วมีรอยก้านผล เปลือกผลชั้นนอกและชั้นกลางลอกออกง่าย เปลือกชั้นในบางและค่อนข้างแข็ง 1 ผลมี 1 เมล็ด ผงพริกไทยดำมีสีน้ำตาลและดำ กลิ่นฉุน รสเผ็ดเล็กน้อย ทางยานิยมใช้พริกไทยดำมากกว่าพริกไทยล่อน มีรสชาติเผ็ดร้อน กลิ่นหอมฉุน
ประโยชน์
– เมล็ด ช่วยลดอาการท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด ขับลมในลำไส้ให้ผายเรอ, ช่วยเจริญอาหาร, แก้กองลม, บำรุงธาตุ, แก้ลมอัมพฤกษ์, แก้มุตตกิต, แก้ลมสัตถกะวาตะ, แก้ลมมุตตฆาต (ลมที่ทำให้ท้องลั่นโครกคราก), ขับเสมหะ, ขับเหงื่อ ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้ตัวเย็นรู้สึกร้อนเหงื่อออกสบาย ขับปัสสาวะ กระตุ้นประสาท บำรุงธาตุ, แก้อาหารไม่ย่อย
– ผลและเมล็ด รักษาอาการปวดกระเพาะอาหาร, อาเจียน, แก้ลม, จุกเสียด, แน่นท้อง, ขับลมในกระเพาะ, ท้องเสีย, แก้ปวดท้อง, ปวดฟัน, แก้ท้องอืด, อาหารไม่ย่อย, แก้หวัด,ช่วยให้น้ำย่อยหลั่งมากขึ้น ทำให้อยากอาหาร, แก้อ่อนเพลีย, แก้บิด, ปวดเมื่อยตามร่างกาย, ตะคริว แผลปวดเพราะสุนัขกัด ฝี, สะอึก, ห้ามเลือด, ปวดศีรษะ, แก้อาหารเป็นพิษ
**ความเผ็ดร้อนของพริกไทยดำ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ “สารพิเพอรีน” ซึ่งสามารถช่วยป้องกันและรักษาโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้อีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก นิตยสารแม่บ้านออนไลน์
http://www.maeban.co.th/…/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8…
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.chemipan.com/…/9800-%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3…
No responses yet